Table of Content:
- คราบตะกรันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
- ผลกระทบของคราบตะกรันต่อระบบน้ำและเครื่องจักร
- ผลกระทบของคราบตะกรันต่อสุขภาพ
- การป้องกันและกำจัดคราบตะกรัน
หากมองเพียงผิวเผิน “คราบตะกรัน” หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า “Scale” อาจดูเป็นเพียงคราบขาว ๆ ที่เกาะตามก๊อกน้ำ เครื่องทำน้ำร้อน หรือกาต้มน้ำในบ้านเรา แต่แท้จริงแล้วคราบเล็ก ๆ เหล่านี้กลับเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาที่มีผลกระทบต่อระบบน้ำ รวมถึงสุขภาพของเราในระยะยาว บทความนี้จึงจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับคราบตะกรัน ตั้งแต่สาเหตุการเกิด ส่วนประกอบทางเคมี ผลกระทบ ไปจนถึงวิธีการป้องกันและแก้ไข

คราบตะกรันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
คราบตะกรันคืออะไร ? อธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายและกระชับ คราบตะกรัน (Scale) คือคราบที่เกิดจากกระบวนการตกตะกอนของแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำกระด้างที่มีปริมาณแคลเซียม (Ca²⁺), แมกนีเซียม (Mg²⁺) และซิลิกา (SiO₂) สูง เมื่อความร้อนถูกนำมาใช้ในระบบน้ำ เช่น ในเครื่องทำน้ำอุ่น กาต้มน้ำ หรือระบบหม้อไอน้ำ ความสามารถในการละลายของแร่ธาตุเหล่านี้จะลดลง ทำให้เกิดการตกผลึกและสะสมอยู่บนผิวโลหะหรือพื้นผิวสัมผัสน้ำ
โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสูง หรือศูนย์การค้า การสะสมของตะกรันอาจเริ่มจากชั้นบาง ๆ แล้วค่อย ๆ หนาขึ้นจนกลายเป็นของแข็งที่เกาะแน่น และยากต่อการกำจัด
ผลกระทบของคราบตะกรันต่อระบบน้ำและเครื่องจักร
ถ้าหากคราบตะกรันไม่ได้รับการจัดการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จากคราบบาง ๆ ก็จะเริ่มเกาะตัวกันหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถสร้างความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบน้ำและเครื่องจักรได้ ดังนี้
- ลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร
คราบตะกรันที่สะสมในเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) หรือท่อน้ำร้อน จะทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อน ทำให้น้ำไม่สามารถแลกเปลี่ยนความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำงาน เพิ่มต้นทุนและเวลาในการผลิต - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสึกหรอและการเสียหายของอุปกรณ์
การสะสมของตะกรันในท่อสามารถทำให้เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อลดลง จนเกิดแรงดันสะสมภายในท่อ ส่งผลให้เกิดการรั่วหรือแตกในที่สุด นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดความร้อนสะสมในจุดที่ตะกรันเกาะ ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกร้าวของวัสดุได้ - กระทบต่อคุณภาพน้ำ
คราบตะกรันที่สะสมอยู่สามารถหลุดลอกออกเป็นเศษแร่ธาตุขนาดเล็ก โดยหากปะปนไปในน้ำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือนำน้ำเหล่านี้ไปใช้ในกระบวนการผลิตที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ก็อาจส่งผลให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง หรือไม่ผ่านมาตรฐานด้านสุขอนามัย
ผลกระทบของคราบตะกรันต่อสุขภาพ
การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนคราบตะกรันอันตรายไหม ? คำตอบคือคราบตะกรันไม่ได้กระทบแค่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ แต่ยังมีผลต่อสุขภาพของผู้ใช้น้ำอีกด้วย ถึงแม้การบริโภคน้ำที่มีแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมในปริมาณหนึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ในกรณีที่แร่ธาตุเหล่านี้สะสมในร่างกายมากเกินไป โดยเฉพาะในคนที่ดื่มน้ำปนเปื้อนตะกรันติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ่วในไต (Kidney Stone) ได้
ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือคราบตะกรันที่สะสมในระบบท่อน้ำมักเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด โดยเฉพาะเชื้อ Legionella pneumophila ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคปอดอักเสบรุนแรง (Legionnaires’ disease) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านละอองน้ำในระบบท่อปรับอากาศ ฝักบัว หรือคูลลิงทาวเวอร์ หากระบบน้ำไม่ถูกบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

การป้องกันและกำจัดคราบตะกรัน
การจัดการกับคราบตะกรันควรเริ่มตั้งแต่ต้นทางด้วยการออกแบบระบบที่ป้องกันการเกิด และมีมาตรการกำจัดเมื่อพบการสะสม เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ลดต้นทุนการบำรุงรักษา และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
1. ใช้ระบบกรองน้ำและปรับสภาพน้ำ (Water Softening)
การติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่มีระบบกรองเรซิน หรือเมมเบรน RO (Reverse Osmosis) สามารถช่วยลดความกระด้างของน้ำ โดยเปลี่ยนแคลเซียมและแมกนีเซียมให้เป็นโซเดียม หรือกรองแร่ธาตุออกไป ทำให้น้ำใส สะอาด และลดโอกาสเกิดคราบตะกรันตั้งแต่ต้นทาง
2. ใช้สารเคมีป้องกันการเกิดตะกรัน (Antiscalant)
ในระบบอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบน้ำได้ทั้งหมด อีกหนึ่งแนวทางป้องกันคราบตระกรันอย่างมีประสิทธิภาพคือใช้สารเคมีช่วยยับยั้งการตกผลึกของแร่ธาตุได้ เช่น Phosphonate หรือ Polymer ชนิดพิเศษ ที่เข้าไปจับกับไอออนของแร่ธาตุในน้ำ ทำให้ไม่สามารถตกตะกอนได้
3. ทำความสะอาดและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
ระบบที่ใช้น้ำร้อนหรือไอน้ำ เช่น หม้อไอน้ำ หรือเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ควรมีการล้างคราบตะกรันตามรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้การสะสมของแร่ธาตุส่งผลต่อระบบโดยรวม
4. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ
ในระบบที่เกี่ยวข้องกับความร้อน ควรควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดการเร่งปฏิกิริยาการตกผลึกของแร่ธาตุ เพราะยิ่งอุณหภูมิสูง โอกาสการตกตะกอนของแคลเซียมและแมกนีเซียมก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ถึงแม้คราบตะกรันจะดูเหมือนเป็นเพียงปัญหาที่ไม่ร้ายแรง แต่หากปล่อยให้สะสมเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้น ถ้าอยากดื่มน้ำสะอาด มั่นใจว่าไม่มีคราบตะกรันปนเปื้อน แนะนำ Wells tt UV+ เครื่องกรองน้ำฆ่าเชื้อโรค 9 ขั้นตอน กรองน้ำสะอาดหมดจดในระดับนาโนเทคโนโลยี กรองสิ่งปนเปื้อน โลหะหนัก และจุลินทรีย์ได้มากถึง 88 ชนิด ฆ่าเชื้อได้สูงถึง 99.9% ด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต ระบบ Direct-dispenser
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- LINE OA: @wellsthailand หรือ https://bit.ly/36pYHXp
- เบอร์โทรศัพท์: 082-826-4999
- อีเมล: info@wellsthailand.com
ข้อมูลอ้างอิง:
- How to remove limescale. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 จาก https://www.healthline.com/health/hard-water-and-soft-water
- Hard Water vs. Soft Water: Which One Is Healthier?. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 จาก https://www.healthline.com/health/hard-water-and-soft-water