วิธีป้องกันไมโครพลาสติกในน้ำ ดูแลร่างกายให้ปลอดภัยยั่งยืน

ตัวอย่างไมโครพลาสติกในน้ำที่พบได้ทั่วไป

Table of Content:

ทุกวันนี้ น้ำที่เราดื่มอาจไม่ได้สะอาดปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะมีภัยเงียบแฝงตัวอยู่ นั่นคือ ไมโครพลาสติก (Microplastics) อนุภาคพลาสติกขนาดเล็กจิ๋วที่ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา น้ำบรรจุขวด หรือแม้แต่น้ำจากธรรมชาติ ไมโครพลาสติกเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการดื่มน้ำโดยไม่รู้ตัว และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้

ไมโครพลาสติกคืออะไร ?

ไมโครพลาสติก (Microplastics) คือ อนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร เกิดจากการย่อยสลายหรือแตกหักของขยะพลาสติกขนาดใหญ่ หรือถูกผลิตให้มีขนาดเล็กเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีรูปร่างหลากหลาย เช่น ทรงกลม ทรงรี เส้นตรง หรือรูปร่างไม่แน่นอน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ (Primary Microplastics) พลาสติกที่ผลิตให้มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เฉพาะ เช่น เม็ดพลาสติกที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก หรือเม็ดสครับในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
  2. ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ (Secondary Microplastics) พลาสติกที่เกิดจากการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การย่อยสลายทางกลหรือทางเคมี จนกลายเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ

แหล่งที่พบไมโครพลาสติก

  • น้ำทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ และแหล่งน้ำจืดที่มีการสะสมของขยะพลาสติก
  • อากาศและฝุ่นละออง ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาขยะพลาสติกหรือกิจกรรมอุตสาหกรรม
  • อาหาร เครื่องดื่ม ที่อาจมาจากท่อน้ำ ภาชนะบรรจุ หรือสัตว์ที่กินไมโครพลาสติกเข้าไป
  • ดินและพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการใช้ปุ๋ยเคมีและพลาสติกคลุมดินเป็นประจำ

อันตรายจากไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม

จากความหมายและแหล่งที่มาที่เราพูดถึงในข้างต้น แสดงให้เห็นว่าพลาสติกขนาดจิ๋วเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะในน้ำดื่ม ส่งผลให้เราอาจได้รับอนุภาคพลาสติกเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว และหากสะสมในปริมาณมากย่อมส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังอาจไปกระตุ้นให้เกิดโรคร้ายแรงได้อีกด้วย

1. รบกวนการทำงานของฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ

พลาสติกบางชนิดมีสารก่อกวนฮอร์โมน เช่น BPA และพทาเลต ซึ่งสามารถรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้เสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยากมากขึ้น และอาจกระตุ้นให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน

2. ส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย

นอกจากฮอร์โมนแล้ว พลาสติกยังเป็นอันตรายต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกาย และเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพหลายประการ ที่พบโดยทั่วไป ได้แก่

  • ระบบภูมิคุ้มกัน : ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ อาการอักเสบตามอวัยวะ และโรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ระบบทางเดินหายใจ : หากสูดดมเข้าไปจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และอาการไอเรื้อรัง
  • ระบบสืบพันธุ์ : ลดคุณภาพของอสุจิในเพศชาย และส่งผลต่อการตกไข่และการฝังตัวของตัวอ่อนในเพศหญิง ทำให้ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ นำไปสู่การเกิดภาวะมีบุตรยาก

3. เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง

ไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม เป็นพาหะของโลหะหนักและสารก่อมะเร็ง เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม หากร่างกายได้รับในปริมาณมากอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด

4. ขัดขวางการทำงานของเส้นเลือด

เนื่องจากพลาสติกประเภทนี้มีขนาดเล็กมาก จึงสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและสะสมในหลอดเลือดได้ ทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย จึงเพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีนัยสำคัญ

5. มีผลเสียต่อพัฒนาการเด็ก

อนุภาคพลาสติกขนาดเล็กสามารถแทรกซึมผ่านรกของมารดาและส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะออทิสติกและสมาธิสั้น (ADHD) มากขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อพัฒนาการด้านสมอง ความจำ และระบบประสาทของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีด้วย

ผู้ชายดื่มน้ำสะอาดจากเครื่องกรอง ปราศจากไมโครพลาสติก

วิธีป้องกันไมโครพลาสติกตกค้างในร่างกายจากการดื่มน้ำ

ได้เห็นถึงผลเสียของการได้รับไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวกันไปแล้ว ดังนั้น การป้องกันและลดปริมาณพลาสติกที่เข้าสู่ร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้ผ่านวิธีต่อไปนี้

1. การต้มน้ำให้เดือดแล้วกรองก่อนดื่ม

การต้มน้ำให้เดือดเป็นหนึ่งในวิธีพื้นฐานที่ช่วยกำจัดสิ่งปนเปื้อนบางชนิดในน้ำได้ โดยเฉพาะแบคทีเรียและไวรัส แต่หากต้องการกำจัดพลาสติก ควรใช้การกรองด้วยวิธีต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น การใช้กระดาษกรอง การใช้ตัวกรองที่ดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้

2. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากขวดพลาสติก

ขวดพลาสติกเป็นแหล่งปนเปื้อนที่สำคัญ เนื่องจากพลาสติกสามารถเสื่อมสภาพและปล่อยอนุภาคขนาดเล็กลงสู่น้ำดื่มได้ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน ควรเลือกดื่มน้ำจาก ขวดแก้วหรือขวดสเตนเลส ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ก็จะปลอดภัยกว่า

3. เลือกใช้เครื่องกรองน้ำที่ไส้กรองมีความละเอียดสูง

หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกำจัดไมโครพลาสติกออกจากน้ำดื่ม คือการใช้ เครื่องกรองน้ำที่มีไส้กรองละเอียดสูง ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กออกไปได้ เช่น เครื่องกรองน้ำระบบ RO เครื่องกรองน้ำระบบ UF

ได้รู้แล้วว่าไมโครพลาสติกในน้ำดื่มอาจก่อให้เกิดสารพิษสะสม และส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มาเลือกใช้เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะจาก Wells ช่วยกรองน้ำดื่มให้สะอาด ดื่มได้อย่างปลอดภัย มาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่ช่วยให้คุณควบคุมอุณหภูมิและปริมาณน้ำได้สะดวก ดีไซน์ทันสมัย ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานในเครื่องเดียว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง: