แจก How To เลือกเครื่องฟอกอากาศในครัวให้ตอบโจทย์การใช้งาน
Table of Content:
- มลพิษในห้องครัวที่ต้องระวัง
- เทคโนโลยีการกรองเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมสำหรับห้องครัว
- วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้องครัว
- การติดตั้งและวางตำแหน่งเครื่องฟอกอากาศในห้องครัว
ห้องครัวเป็นพื้นที่ภายในบ้านที่เสี่ยงต่อการสะสมมลพิษทางอากาศสูงกว่าห้องอื่น ๆ สาเหตุหลักมาจากการประกอบอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดควัน กลิ่น และไอระเหยจากน้ำมัน นอกจากนี้ ความชื้นในห้องครัวยังสูงกว่าบริเวณอื่น ๆ ของบ้านอีกด้วย
เพื่อให้คุณและคนในครอบครัวสูดอากาศในบ้านได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล บทความนี้จะพาไปรู้จักกับประเภทของมลพิษในห้องครัว รวมถึงเทคโนโลยีการกรองอากาศที่เหมาะสม พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกเครื่องฟอกอากาศกำจัดกลิ่นและมลพิษที่ตอบโจทย์การใช้งานได้สูงสุด
มลพิษในห้องครัวที่ต้องระวัง
ก่อนจะเลือกเครื่องฟอกอากาศ เรามาทำความเข้าใจกับประเภทของมลพิษที่พบได้บ่อยในห้องครัวกันก่อน
- ควันจากการปรุงอาหาร
เมื่อเราทอด ย่าง หรือผัดอาหาร มักจะเกิดควันที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดจิ๋ว ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบหายใจหากสูดดมเข้าไป
- กลิ่นอาหารตกค้าง
แม้ว่ากลิ่นอาหารจะไม่เป็นอันตรายโดยตรง แต่หากสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลิ่นนั้นแทรกซึมเข้าไปในเฟอร์นิเจอร์หรือผ้าม่าน
- ไอระเหยของน้ำมัน
นอกจากจะทำให้เกิดคราบมันที่เช็ดออกได้ยากแล้ว ไอน้ำมันที่ลอยอยู่ในอากาศยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะหากสูดดมเข้าไปเป็นประจำ
- ก๊าซจากการหุงต้ม
เตาแก๊ส อาจปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ออกมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศภายในบ้านและสุขภาพโดยรวมของผู้อยู่อาศัย
- ความชื้นสูง
ในขณะที่เราต้ม นึ่ง หรือปรุงอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ความชื้นในอากาศจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อราและไรฝุ่น
- แบคทีเรียและเชื้อโรค
ห้องครัวเป็นแหล่งรวมของจุลินทรีย์หลากหลายชนิด ซึ่งอาจแพร่กระจายจากวัตถุดิบอาหารและอุปกรณ์ประกอบอาหาร หากไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่การปนเปื้อนและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้
เทคโนโลยีการกรองเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมสำหรับห้องครัว
เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องครัวควรมีระบบกรองที่จัดการกับมลพิษได้หลากหลายประเภท โดยเทคโนโลยีที่อยากแนะนำมีดังนี้
1. ไส้กรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air)
เป็นมาตรฐานสำคัญในการกรองอากาศ สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นละออง ควัน และไอน้ำมัน โดยมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้มากถึง 99.97%
2. ไส้กรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter)
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้เทคโนโลยีไส้กรองคาร์บอน เหมาะสำหรับการดูดซับกลิ่นและสารเคมีที่เป็นก๊าซ โดยเฉพาะกลิ่นจากการทำอาหาร รวมถึงก๊าซจากการหุงต้มต่าง ๆ ช่วยให้อากาศในครัวสดชื่นและปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์
3. ตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยแสง (Photocatalytic Oxidation – PCO)
เทคโนโลยีนี้ใช้รังสี UV กระตุ้นปฏิกิริยาการเปลี่ยนสารมลพิษให้กลายเป็นสารที่ไม่เป็นอันตราย ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อโรค และสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เทคโนโลยีไอออนลบ (Negative Ion Technology)
ทำงานโดยการปล่อยไอออนลบเพื่อจับกับอนุภาคในอากาศ ทำให้อนุภาคมีขนาดใหญ่ขึ้นและตกลงสู่พื้นผิว ช่วยลดมลพิษในอากาศได้อีกทางหนึ่ง
5. ระบบ UV-C
ใช้รังสี UV-C ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย เหมาะสำหรับห้องครัวที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษหรือมีความกังวลเรื่องเชื้อโรค
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้องครัว
การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมไม่ใช่เพียงแค่ดูเทคโนโลยีการกรองเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- ขนาดของห้องครัว
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือขนาดของห้องครัว เพราะเครื่องฟอกอากาศต้องสามารถทำงานได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในครัวที่ทำอาหารบ่อย ๆ โดยเครื่องที่มีขนาดเหมาะสมจะช่วยให้การกรองอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate)
ค่า CADR แสดงถึงปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถฟอกได้ในเวลาหนึ่งหน่วย ยิ่งค่า CADR สูง เครื่องก็จะยิ่งกำจัดควัน กลิ่น และอนุภาคต่าง ๆ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- อัตราการหมุนเวียนอากาศ
การหมุนเวียนอากาศต่อชั่วโมง หรือ ACH เป็นตัวชี้วัดว่าห้องได้รับการฟอกอากาศกี่ครั้งในหนึ่งชั่วโมง โดยค่า ACH ที่เหมาะสมจะช่วยให้ห้องครัวมีอากาศบริสุทธิ์อยู่เสมอ โดยไม่มีกลิ่นหรือมลพิษสะสม
- คุณสมบัติพิเศษ
นอกเหนือจากประสิทธิภาพการกรองแล้ว ควรพิจารณาฟีเจอร์เสริมที่จะช่วยให้การใช้งานในห้องครัวสะดวกยิ่งขึ้น เช่น ระบบลดเสียงรบกวน ระบบประหยัดพลังงานที่ช่วยลดค่าไฟในระยะยาว หรือการควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนที่ช่วยให้สามารถปรับการทำงานได้สะดวกแม้ในขณะทำอาหาร
การติดตั้งและวางตำแหน่งเครื่องฟอกอากาศในห้องครัว
การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องครัวให้ได้ผลดีที่สุด ควรวางในตำแหน่งต่อไปนี้
- ใกล้แหล่งกำเนิดมลพิษ แต่ไม่ชิดเกินไป
ควรวางเครื่องฟอกอากาศใกล้กับอุปกรณ์ในครัวที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น เตาแก๊ส แต่แนะนำให้เว้นระยะห่างพอประมาณเพื่อไม่ให้เครื่องเสียหายจากความร้อนหรือไอน้ำมัน
- หลีกเลี่ยงมุมอับและใต้ตู้
เลือกพื้นที่โล่ง ไม่วางในมุมอับหรือใต้ตู้ เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้สะดวก ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- เลือกรูปแบบให้เหมาะกับพื้นที่
พิจารณาระหว่างแบบติดผนังหรือแบบตั้งพื้น โดยคำนึงถึงขนาดและลักษณะของห้องครัว เพื่อประหยัดพื้นที่และการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศกำจัดกลิ่น Wells แบรนด์เครื่องใช้เพื่อสุขภาพจากเกาหลีใต้ ที่ได้รับการยอมรับด้านนวัตกรรมและคุณภาพ พร้อมนำเสนอเครื่องฟอกอากาศ 2 รุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในห้องครัวอย่างลงตัว ได้แก่ Wells Tornado และ Wells Interior ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ คือไส้กรองกำจัดกลิ่น และเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนขณะที่เครื่องทำงาน นอกจากนี้ ยังกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้อากาศที่บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟที่จะเพิ่มขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ไปจนถึงการซ่อมบำรุงแบบครบวงจร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- LINE OA : @wellsthailand หรือ https://bit.ly/36pYHXp
- เบอร์โทรศัพท์ : 082-826-4999
- อีเมล : info@wellsthailand.com
แหล่งอ้างอิง
- Air Purifier Buying Guide. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567. จาก https://www.consumerreports.org/appliances/air-purifiers/buying-guide/.
- What Size and CADR Air Purifier Do I Need? [CADR Calculation]. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567. จาก https://smartairfilters.com/en/blog/what-size-air-purifier-do-i-need/.