PM 2.5 เกิดจากอะไร ทำไมถึงเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด
เมื่อหน้าหนาวมาเยือน สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับอากาศที่เย็นลง อาจไม่ใช่หมอกอย่างที่เราคิด แต่เป็นฝุ่นละอองที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเป็นช่วงเวลาที่มีความกดอากาศค่อนข้างสูง อากาศจึงค่อนข้างนิ่ง ประกอบกับมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดพามาจากประเทศจีน ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นในอากาศ ก่อให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่มีอนุภาคขนาดเล็กมาก สามารถเข้าไปในปอดและกระแสเลือด จนทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคร้ายแรงอื่น ๆ
PM 2.5 คืออะไร?
PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก สามารถผ่านการกรองของขนจมูกเข้าไปสะสมในปอด และกระแสเลือดได้ง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ
หากว่าใครกำลังสงสัยว่า PM 2.5 มีขนาดเล็กแค่ไหน ความจริงคือ มีขนาดที่เล็กมาก เพราะเส้นผมของเรามีขนาด 50-70 ไมครอน แต่ละอองเกสรจะมีขนาดเพียง 10 ไมครอนเท่านั้น ดังนั้น PM 2.5 จึงมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่าเลยทีเดียว
ทำไมฝุ่น PM 2.5 ถึงทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทราบคือ ฝุ่น PM 2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เป็นตัวกลางพาโลหะหนัก และสารก่อมะเร็งต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายของเรา และหากสะสมเป็นจำนวนมากอาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ โดยฝุ่นประเภทนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาวของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่ลมสงบ การไหลเวียนของอากาศน้อย ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นในเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งปกติแล้ว หากเป็นฝุ่นหรือสิ่งที่มีอนุภาคค่อนข้างใหญ่ ขนจมูกของเราจะสามารถกรองสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปสะสมในปอดได้ แต่ด้วยฝุ่น PM 2.5 มีขนาดที่เล็กมาก จึงสามารถเล็ดลอดเข้าไปได้
PM 2.5 เกิดจากอะไร?
PM 2.5 เกิดจากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- ไอเสียจากการจราจร ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์
- จากโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ปล่อยก๊าซพิษและฝุ่นละอองต่าง ๆ
- การเผาในที่โล่ง ไฟป่า หรือเผาในพื้นที่ทำการเกษตร
- กิจกรรมในครัวเรือน อย่างการสูบบุหรี่ การจุดธูปเทียน การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร
PM 2.5 เป็นสาเหตุของมะเร็งปอดจริงหรือไม่?
คำตอบคือ “จริง”
รู้หรือไม่ว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุต้น ๆ ของการเสียชีวิตของคนไทย โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการสูบบุหรี่มากเป็นอันดับต้น ๆ แต่การที่ปัญหามลพิษทางอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้น ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอดด้วยเช่นกัน
สำหรับผลกระทบของ PM 2.5 ในระยะสั้น อาจจะทำให้เรามีอาการระคายเคืองตา จมูก มีอาการหอบหืด ไอ หรือแน่นหน้าอก และหากว่าเราเป็นภูมิแพ้ หรือป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ความรุนแรงของอาการดังกล่าวก็จะมากกว่าคนปกติ เนื่องจากเมื่อฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในร่างกายของเราแล้ว จะส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และทำลายระบบเซลล์ในปอดจนเกิดความเสียหาย
ที่สำคัญ การหายใจเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไปสะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต ด้วยเหตุนี้ องค์การอนามัยโลก จึงได้ระบุให้ PM 2.5 เป็นสารก่อมะเร็งอย่างหนึ่ง และเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังและป้องกันอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยอดผู้ป่วยจากมะเร็งปอดที่เกิดจากมลพิษทางอากาศที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี
วิธีป้องกัน
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การที่เราร่วมมือกันลดการก่อ PM 2.5 ทั้งในส่วนของครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว การเลือกใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดการจุดธูป รวมถึงลดการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันตัวเองในเบื้องต้นได้ดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้งก่อนออกจากบ้านและทำกิจกรรมกลางแจ้ง และงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่มีปริมาณฝุ่นสูง
- ดื่มน้ำสะอาด และรับประทานผักผลไม้อย่างเพียงพอ เป็นการช่วยลดผลกระทบจากฝุ่นจิ๋วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
- ใส่หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้
- ใช้เครื่องฟอกอากาศที่ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้
หากต้องการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้าน เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศ Wells ที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บ้านของคุณมีอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ พร้อมดีไซน์สวย ปราศจากเสียงรบกวน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 065-695-6525
ข้อมูลอ้างอิง
- เรียนรู้ อยู่กับฝุ่น PM2.5. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 จาก https://www.chula.ac.th/wp-content/uploads/2019/10/chula-pm25-booklet-1.pdf
- ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็ง เสี่ยงเสียชีวิตสูง ตายปีละ 7 หมื่นคน. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 จาก https://resourcecenter.thaihealth.or.th/article/ฝุ่น-pm2-5-เป็นสารก่อมะเร็ง-เสี่ยงเสียชีวิตสูง-ตายปีละ-7-หมื่นคน